ADX
ดัชนีทิศทางเฉลี่ยหรือ ADX เป็นตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม เทรดเดอร์สายเทรนด์ต้องการหาแนวโน้มที่แข็งแกร่งและเปิดตำแหน่งในทิศทางของมัน ADX ช่วยตัดสินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
ตัวบ่งชี้จะขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของการขยายช่วงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด
วิธีการใช้งาน
คุณสามารถเพิ่ม ADX เข้าไปที่แผนภูมิได้โดยคลิกที่ “Insert” – “Indicators” – “Trend” แล้วเลือก “Average Directional Movement Index”
โดยค่าเริ่มต้น จำนวนของ period จะถูกตั้งค่าไวที่ ‘14’ คุณสามารถเปลี่ยนตัวเลขนี้ได้หากคุณต้องการ
วิธีการใช้งาน
ตัวบ่งชี้ MT4 นี้จะมี 3 เส้นโดยอัตโนมัติ:
- ดัชนีทิศทางเฉลี่ย (ADX) ตัวมันเอง (เส้นสีน้ำตาลหนาๆ) ค่าของมันอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 100 เส้นนี้บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเทรนด์ แต่ไม่แสดงทิศทาง
- ตัวบ่งชี้บวกทิศทางการเคลื่อนไหวที่เป็นบวก (+ DMI) (เส้นสีเขียว) คือความแตกต่างระหว่างจุดสูงสุดสองจุดติดกัน
- ตัวบ่งชี้บวกทิศทางการเคลื่อนไหวที่เป็นลบ (- DMI) (เส้นสีแดง) คือความแตกต่างระหว่างจุดต่ำสุดสองจุดติดกัน
เส้น ADX ใช้เพื่อตรวจสอบว่าสินทรัพย์มีแนวโน้มหรือไม่มี แนวโน้มที่แข็งแกร่งคือเมื่อ ADX สูงกว่า 25 ดังนั้นจึงควรใช้กลยุทธ์การซื้อขายตามเทรนด์ ดังนั้นเมื่อ ADX ต่ำกว่า 25 จะดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อขายตามเทรนด์และเลือกกลยุทธ์การซื้อขายตามช่วงคราคาที่เหมาะสม ในช่วงเวลาดังกล่าวราคาจะเข้าสู่ช่วง จำเป็นต้องชี้ให้เห็นว่าอาจใช้ ADX เพื่อยืนยันการพุ่งทะลุช่วงราคา เมื่อ ADX เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 25 เป็นสูงกว่าระดับ 25 แสดงว่าราคามีความแข็งแกร่งพอที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางของการพุ่งทะลุมีค่า ADX อยู่หลายเกรด คุณสามารถดูได้จาดตารางด้านล่าง:
ค่า ADX
ความแข็งแกร่งของเทรนด์
0-25
ไม่มีเทรนด์หรืออ่อนแอ
25-50
เทรนด์มีความแข็งแกร่ง
50-75
เทรนด์มีความแข็งแกร่งมาก
75-100
เทรนด์มีความแข็งแกร่งระดับสุดยอด
สรุป เมื่อเส้น ADX สูงขึ้น แนวโน้มความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น และราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางของแนวโน้ม เมื่อเส้นเริ่มวิ่งลง ความแข็งแกร่งของแนวโน้มก็จะลดลงและราคาจะผ่านการปรับฐานหรือสร้างฐาน โปรดสังเกตว่าเส้น ADX ที่ลดลงนั้นไม่ได้หมายความว่าแนวโน้มกำลังกลับตัว หมายความว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังอ่อนตัวลง
นอกจากนี้หากคุณดูยอดของ ADX ที่ต่อกันชุด คุณจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแรงกระตุ้นของแนวโน้ม หากมียอดสูงๆของ ADX เป็นชุดๆ อาจหมายถึงแรงกระตุ้นของแนวโน้มนั้นเพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ทราบว่าเขา/เธออาจเปิดการซื้อขายตามเทรนด์เพื่อให้ทำกำไรได้ ส่วนก้นเหว ADX ที่ติดกันเป็นชุดหมายถึงแรงกระตุ้นของแนวโน้มกำลังลดลง โปรดทราบว่าแม้ว่าแรงกระตุ้นจะลดลง แต่แนวโน้มก็ยังคงดำเนินต่อไป แต่ถึงกระนั้นในกรณีนี้เทรดเดอร์จะต้องใส่ใจมากขึ้นและคัดเลือกสัญญาณการเข้าใหม่เป็นอย่างดี มันอาจเป็นการดีที่จะมี stop แคบๆสำหรับตำแหน่งที่มีอยู่ หรือพิจารณาการเก็บกำไรบางส่วน
สัญญาณสุดลาสสิกจาก ADX
+DMI และ -DMI กำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ โดยทั่วไปแล้วตลาดกระทิงจะชนะเมื่อ +DMI มากกว่า -DMI ในขณะที่ตลาดหมีจะชนะก็ต่อเมื่อ -DMI มากกว่า การตัดกันของ +DMI และ -DMI สร้างระบบการซื้อขายร่วมกับ ADX
สัญญาณ “Buy" เกิดขึ้นเมื่อ +DMI ตัด -DMI ขึ้นไปด้านบน (ADX ต้องมากกว่า 25) Stop-loss มักจะใส่ที่จุดต่ำสุดของสัญญาณวัน สัญญาณ buy จะยังคงมีผลตราบเท่าที่ค่าต่ำนี้ยังคงต่ำอยู่แม้ว่า +DMI จะตัดกลับลงมาต่ำกว่า -DMI ก็ตาม
และในทางกลับกัน สัญญาณ “sell” เกิดขึ้นเมื่อ -DMI ตัด +DMI ขึ้นไปด้านบน (ADX ต้องมากกว่า 25) จุดสูงสุดของสัญญาณวันจะเป็น stop loss ตั้งต้น
สรุป
ดัชนีทิศทางเฉลี่ยเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับเทรดเดอร์สายเทรนด์ ขอแนะนำให้ใช้ ADX ร่วมกับการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
ບົດຄວາມອື່ນໆໃນພາກນີ້
- กรอบเวลา
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- Heiken Ashi
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ
- Pivot Points
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative vigor index
- โมเมนตัม
- Force index
- Envelops
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- Relative Strength Index
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- Bollinger bands
- ຕົວຊີ້ວັດແນວໂນ້ມ
- ການນໍາສະເຫນີຕົວຊີ້ວັດດ້ານວິຊາການ
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- Fundamental factors
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราห์ ปัจจัยพื้นฐาน และ การวิเคราะห์ทางเทคนิค