-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกปุ่ม ‘เปิดบัญชี’ บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Personal area ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขายได้ คุณจะต้องผ่านการตรวจสอบโปรไฟล์, ยืนยันอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ, และผ่านการยืนยัน ID ของคุณ ขั้นตอนนี้มีไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนและตัวตนของคุณ เมื่อคุณตรวจสอบทั้งหมดเสร็จแล้วให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการแล้วเริ่มทำการซื้อขาย
-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
ขั้นตอนนั้นตรงไปตรงมามาก ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Personal area แล้วถอนเงิน คุณจะรับเงินที่ถอนผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีด้วยวิธีการอื่น คุณต้องถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในยอดเดียวกันกับจำนวนเงินที่ฝาก
Bollinger bands
Bollinger bands (BB) เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มสุดคลาสสิคที่พัฒนาโดย John Bollinger หนังสือของเขาที่ชื่อ Bollinger on Bollinger Bands มีคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีใช้มันอย่างเดียว และใช้กับเครื่องมืออื่นๆของการวิเคราะห์ทางเทคนิค BB เป็นที่นิยมมากในหมู่เทรดเดอร์ทั่วทุกมุมโลก
เกี่ยวกับ Bollinger bands
ตัวบ่งชี้ประกอบด้วยเส้น 3 เส้น - หนึ่งเส้นกลางและสองเส้นด้านนอก เส้นกลางคือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่ายโดยปกติจะมี period เป็น 20 ส่วนเส้นรอบนอกจะเป็นค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 ค่าด้านบนและด้านล่างของแถบกลาง
Bollinger bands มีบางอย่างที่เหมือนกันกับตัวบ่งชี้ Envelopesความแตกต่างคือขอบเขตของซองจดหมายนั้นอยู่เหนือและใต้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ระยะทางคงที่ที่คิดเป็น % ในขณะที่เส้นขอบของ Bollinger bands จะถูกคำนวณบนพื้นฐานของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
วิธีการใช้งาน
Bollinger Bands เป็นส่วนหนึ่งในชุดเริ่มต้นของ MetaTrader คุณสามารถเพิ่มมันลงในแผนภูมิได้โดยคลิกที่ Insert – Indicators – Trend จากนั้นเลือก Bollinger bands
MT จะกำหนดค่าตั้งต้นเป็น period 20 และ deviation 2 คุณสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์เหล่านี้ได้ตามต้องการ ขอแนะนำให้ใช้ period ตั้งแต่ 13 ถึง 24 ในขณะที่ deviation ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 2 ถึง 5 ตัวอย่างเช่นสามารถใช้ 50 และ 2.1 สำหรับกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น และ 10 และ 1.9 สำหรับกรอบเวลาสั้นลง สังเกตว่ายิ่ง period สั้นลงเท่าใด ตัวบ่งชี้ยิ่งให้โอกาสเข้าทำการซื้อขายได้มากขึ้นเท่านั้น แต่จำนวนสัญญาณหลอกก็มากขึ้นเช่นกัน ในขณะเดียวกันเมื่อ period มีขนาดใหญ่ ตัวบ่งชี้จะมีความไวน้อยลง สิ่งนี้ไม่เหมาะสำหรับตลาดที่มีความผันผวนต่ำ
ในการหาข้อสรุป คุณควรปรับ Bollinger bands สำหรับสินทรัพย์ที่คุณจะทำการซื้อขาย หากราคาข้ามตัดขึ้นแถบเหนือหรือแถบล่างบ่อยเกินไป จำเป็นต้องเพิ่ม period ให้มากขึ้น แต่หากราคาไม่ค่อยแตะถึงแถบนอก ก็ไม่ควรที่จะลด period ลง
BB สามารถใช้ได้กับทุกกรอบเวลา แม้ว่าตัวบ่งชี้จะดูไม่ต่างกันในระหว่างวันก็ตาม คุณยังสามารถใช้ Bollinger bands กับ oscillator ที่วาดในหน้าต่างแยกต่างหากด้านล่างแผนภูมิราคา ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ BB ลงบน RSI โดยเลือก ข้อมูลตัวบ่งชี้ก่อนหน้า หรือ ข้อมูลตัวบ่งชี้แรก แล้วเลือก Apply to ในเมนูแบบเลื่อนลงของ Bollinger bands
วิธีการใช้แถบ Bollinger เพื่อการค้า Forex
สมมติฐานคือราคาใช้เวลาอยู่ระหว่าง Bollinger bands ด้านนอกไปถึง 95% และใช้เวลาอยู่ด้านนอกแถบเพียง 5%
Bollinger bands ช่วยในการกำหนดความกว้างของค่าเบี่ยงเบนจากราคาเฉลี่ยของคู่สกุลเงิน เส้นกลางอาจใช้เป็นระดับแนวรับ / แนวต้านในขณะที่เส้นขอบด้านนอกสามารถทำหน้าที่เป็นเป้าหมายกำไรได้ นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ที่บ่งบอกถึงการซื้อขายการกลับตัวจากวงนอก
ความชันของ BB และตำแหน่งของราคาที่สัมพันธ์กันกับแถบกลางช่วยให้สามารถตัดสินทิศทางของแนวโน้มปัจจุบันได้ หาก Bollinger bands เอียงขึ้นและราคามีแนวโน้มที่จะอยู่เหนือเส้นกลางก็จะเป็นขาขึ้น แต่หากBollinger bands เอียงลงด้านลบและราคาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่าเส้นกลางแสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง
Bollinger bands เป็นตัวบ่งชี้ความผันผวน
คุณสมบัติที่สำคัญของ BB คือเส้นของตัวบ่งชี้ตอบสนองต่อความผันผวนของตลาด: แถบกว้างขึ้นเมื่อมีความผันผวนสูง (ตัวอย่างเช่นเมื่อมีประกาศข่าวสำคัญ) และแคบลงเมื่อความผันผวนลดลง
ส่งผลให้ Bollinger Bands ช่วยเราในการสังเกตช่วงเวลาที่ตลาดเปลี่ยนจากความสงบเป็นสถานะแอคทีฟ เมื่อแถบเข้ามาใกล้กันมันจะบ่งบอกว่าเรากำลังทำการซื้อขายในตลาดที่ไม่มีความผันผวน และช่วงเวลาที่ผันผวนนั้นจะค่อยๆปรากฏข้างหน้า ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปได้ที่จะเกิดการพุ่งทะลุช่วงราคาล่าสุด
คุณสามารถดูตัวอย่างของสิ่งนี้ได้จากภาพด้านล่าง: แถบบีบอัดเข้ามาแล้วจากนั้นราคาจะทะลุแนวต้าน และเคลื่อนไหวไปด้านบนยาวๆ
ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้ม ถ้าแถบขยายวงกว้างขึ้น จุดนี้จะเป็นการต่อเนื่องของแนวโน้ม หากมันแคบลง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มกำลังอ่อนตัวลง และอาจเกิดการกลับตัวในไม่ช้า
การซื้อขายการเคลื่อนไหวที่เกินขอบเขตภายนอก
ปกติแล้วเมื่อราคาสูงกว่า Bollinger band ด้านนอก มันจะส่งสัญญาณการเริ่มต้นหรือความต่อเนื่องของแนวโน้ม หากราคาแตะและพุ่งทะลุ BB ด้านบน มันจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น หากราคายังคงโจมตี BB ด้านล่าง มันจะเป็นแนวโน้มขาลง
ส่วนใหญ่แล้วราคาจะใช้ไม่เกิน 4 แท่งเทียนนอก Bollinger bands ด้านนอก จากนั้นจะมีการพักตัว โปรดสังเกตว่าเมื่อตลาดมีแนวโน้มราคาสามารถใช้เวลาอย่างมากในพื้นที่/หนึ่งในแถบด้านนอก
ซื้อขายการกลับตัวจากแถบรอบนอก
แถบ Bollinger ยังสามารถทำหน้าที่เป็น oscillator เมื่อราคาแตะแถบด้านบน สินทรัพย์จะถูกการซื้อขายในราคาที่ค่อนข้างสูงและถือว่าถูกซื้อมากเกินไป เมื่อราคาแตะแถบด้านล่าง สินทรัพย์จะถูกซื้อขายในราคาที่ค่อนข้างต่ำและถือว่าถูกขายมากเกินไป เป็นความรู้ทั่วไปที่เงื่อนไขที่การซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไปมักจะนำไปสู่การปรับราคา
อย่างไรก็ตามหากแนวโน้มมีความแข็งแกร่งราคาสามารถอยู่ที่แถบบน/ล่างของ Bollinger bands หรือออกนอกแถบโดยไม่มีการพักตัวเป็นระยะเวลานานเหมือนที่เราได้เรียนรู้ก่อนหน้านี้ เช่นนั้นหากคุณต้องการซื้อขายดึงกลับจากแถบบนหรือล่างของ Bollinger bands คุณจะต้องยืนยันการกลับตัวของตลาดจากรูปแบบแท่งเทียนหรือตัวบ่งชี้อื่นๆ
ภาพด้านบนแสดงให้เห็นถึงการกลับตัวจากแถบบนของ BB ได้รับการยืนยันจากรูปแบบแท่งเทียนขาลง (evening star) และการขัดแย้งขาลงระหว่าง RSI และกราฟราคา
มีตัวอย่างของการเคลื่อนไหวของราคาโดยเฉพาะที่ใกล้กับ Bollinger bands ด้านนอก รูปแบบ W-bottom ในแนวโน้มขาลงและเกี่ยวข้องกับสองการตอบสนองต่อราคาต่ำสุด จุดต่ำสุดที่สองควรต่ำกว่าอันแรกและค้างไว้เหนือแถบด้านล่าง ส่วน M-top ก็ตรงข้ามกับ W-bottom รูปแบบพื้นฐานที่สุดของมันก็คล้ายๆกับดับเบิลท็อป อย่างไรก็ตามการตอบสนองต่อราคาสูงสุดจะไม่เท่ากันเสมอ ราคาสูงสุดแรกสามารถสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาสูงสุดที่สองได้ การใช้ Bollinger Bands สำหรับสัญญาณ 'M' และ 'W' ดูเหมือนว่าจะให้ข้อบ่งชี้เร็วกว่าสัญญาณที่ผลิตโดยรูปแบบแผนภูมิ 'M' และ 'W' แบบดั้งเดิม
ซื้อขายการตัดและการดึงกลับจากเส้นกลาง
เส้นกลางทำหน้าที่เสมือนแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิก หากราคาข้ามเส้นกลางของ BB มันจะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ในกรณีเช่นนี้อย่าลืมค้นหาการยืนยัน
โปรดสังเกตว่าราคามักจะทดสอบระดับเหนือเส้นกลางก่อนที่จะมีการกลับตัว และการทะลุหลอกอาจทำให้นักลงทุนสับสน
หากราคาเบนออกไปจากแถบล่างและตัดเส้นกลางไปยังด้านบน แถบบนจะเป็นเป้าหมายราคาด้านบน ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งราคามักจะผันผวนระหว่างแถบบนกับแถบกลาง เป็นผลให้ในขาขึ้นที่แข็งแกร่งเราควรพิจารณาหาโอกาสในการซื้อแถวๆแถบกลาง แต่หากแนวโน้มขาขึ้นยังไม่แข็งแกร่ง การปรับฐานอาจลดลงและไปถึงแถบล่างของ BB ในขาลงที่แข็งแกร่งมองหาโอกาสในการขายที่ BB กลาง หากแนวโน้มขาลงยังไม่แข็งแกร่งมาก การปรับฐานอาจทำให้ราคาสูงขึ้นไปจนถึงแถบบนของ BB
สรุป
ตัวบ่งชี้ Bollinger bands เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่มีประโยชน์มากที่สามารถสร้างพื้นฐานที่มั่นคงของระบบการซื้อขายที่ดีมาก มันสามารถระบุแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก และแสดงระดับของความผันผวน ใช้เวลาของคุณให้เชี่ยวชาญกับเครื่องมือนี้!
อัปเดทแล้ว • 2023-05-25
บทความอื่นๆ ในส่วนนี้
- McClellan Oscillator
- กลยุทธ์การซื้อขายด้วยตัวบ่งชี้ Aroon
- ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน
- กรอบเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด
- Renko chart
- ประเภทของแผนภูมิ
- จะใช้ Heikin-Ashi อย่างไร?
- นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- Pivot Points
- ตัวบ่งชี้ ZigZag คืออะไร?
- Moving Average: วิธีง่ายๆในการหาเทรนด์
- Williams’ Percent Range (%R)
- Relative Vigor Index (ตัวบ่งชี้ RVI) คืออะไร?
- โมเมนตัม
- Force index
- ตัวบ่งชี้ Envelopes คืออะไร?
- Bulls Power และ Bears Power
- Average True Range
- จะเทรดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางอย่างไร?
- CCI (Commodity Channel Index)
- Standard deviation
- Parabolic SAR
- การซื้อขายด้วย Stochastic Oscillator
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence/Divergence)
- ออสซิลเลเตอร์
- ตัวบ่งชี้ ADX: วิธีใช้สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้ม Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวบ่งชี้เทรนด์
- การแนะนำตัวชี้วัดทางเทคนิค
- แนวรับและแนวต้าน
- แนวโน้ม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ธนาคารกลาง: นโยบายและผลกระทบ
- ปัจจัยพื้นฐาน
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเทรด Forex และการเทรดหุ้น
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน vs การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค
